ซีรีส์เกาหลี Queenmaker เบื้องหลังงานการเมือง มีความร้ายมากมายเกินคาด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของเรา วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ เบื่อการเมืองในชีวิตจริง หันไปดูการเมืองในจินตนาการ ได้เห็นเบื้องหลังการหาเสียงเลือกตั้งที่สกปรกโสมม เต็มไปด้วยการใส่ร้ายป้ายสี การทวงบุญคุณ การหว่านบุญคุณ การข่มขู่คุกคาม และผลประโยชน์แฝงของ “ธุรกิจการเมือง” ดูแล้วเข้าใจ “อุบาย” หาเสียง และได้ประสบการณ์การ “ถูกปั่นหัว” ด้วยข่าวต่างๆ ได้ชัดขึ้น ส่วนเลือดท่วมบางฉาก ยกให้เป็นเรื่องของดราม่าก็แล้วกัน ๑. เกาหลีเล่าเรื่องธุรกิจการเมืองได้สีสันยิ่งนัก ส่วนหนึ่งคงเพราะเกาหลีเดินทางในแนวประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาต่อเนื่องไม่ขาดตอน และรับระบบทุนนิยมเสรีมาเต็มรูป ที่นานวันเข้าก็กลายเป็นทุนผูกขาดของนายทุนใหญ่ เราได้เห็น “ทุน” ที่อยู่เบื้องหลังนักการเมือง และเบื้องหลังผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคน ที่นายทุนได้ใช้เงินสร้างบุญคุณ หรือทำให้ “ติดหนี้” เอาไว้ รอวันที่จะถูกเรียกร้องให้ตอบแทน แล้วใช้อำนาจแฝงที่มีวกกลับมาสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ถ้าบวกรวมเรื่องนี้ กับบทบาทแบบ Cambridge Analytica ในหนังสารคดีของอเมริกัน ที่มีการนำ Information Operation มาใช้แบบสงครามจิตวิทยาบนฐานข้อมูลที่ประมวลแยกตามกลุ่ม การ labeling กลุ่ม การให้ข้อมูลครี่งๆ กลางๆ แบบฟังง่าย ติดหูติดปาก และทำซ้ำๆ ผ่าน social media ในการเลือกตั้งปี 2016 ในสหรัฐอเมริกา คนที่ติดตามสถานการณ์คงจะไม่ประหลาดใจนักกับผลการเลือกตั้งของไทยในเดือนพฤษภาคม ศกนี้ ซึ่งนำแบบแผนนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือ ๒. สุดยอดการข่าว เพื่อใช้ในการ blackmail หรือจี้จุดอ่อนฝ่ายตรงกันข้าม ดูตัวอย่างจากวิธีที่ นางเอก #1 หาข้อมูลเพื่อ “สยบ” คู่ต่อสู้ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ หรือการทำงานการเมืองเพื่อช่วยหาเสียง ไม่ว่าจะเพื่อเหตุที่ดีงาม หรือเหตุที่ชั่วๆ ก. วิธีการหา วิธีการปล่อยข้อมูล และจังหวะเวลาที่เลือกปล่อยข้อมูลให้ได้ความสั่นสะเทือนขนาดพลิกเกม น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อแบลกเมล์ส่วนบุคคล (เป็นบทเรียนที่ดีว่า อย่าได้แอบทำอะไรที่พลาดเอาไว้ เมื่อคนได้ความลับที่อยากปิดนั้นไป เราจะถูกชักรอกให้เต้นไปตามที่ผู้กุมความลับสั่งการได้เลยทีเดียว และนักการเมืองยอมสยบ เพราะแต่ละคนมี “แผล” ที่ต้องการปิดบัง ด้วยเหตุผลเฉพาะตน เช่น เป็นหนี้บุญคุณที่ถูกข่มขู่ให้ทดแทน หรือมีภาพลักษณ์ที่อยากรักษาไว้ให้ดูดี เป็นต้น) หรือการปล่อยสู่สาธารณะผ่าน social media ต้องจ้องจออย่างตาไม่กระพริบเลย ไม่เอาไปใช้ที่ไหนเพื่อตนเอง ก็ยังต้องดู เก็บไว้เป็นความรู้ให้อ่านเกมออก พอเอาตัวรอดได้ในสงครามปลุกปั่นแบบนี้ ข. ได้เห็นอุบายการต่อต้านลบล้างข้อป้ายสีหรือคำพูดแบบปั้นน้ำเป็นตัว ครึ่งจริงครึ่งเท็จ ของฝ่ายตรงกันข้าม วิธีการพวกนี้สะท้อนอยู่ในเวทีสื่อสังคมและสื่อทั่วไปในการเลือกตั้งของไทยครั้งนี้ ขอบคุณภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่ทำให้ “เท่าทัน” กับเรื่องเน่าๆ และสงครามล้างสมอง ที่กำลังดำเนินอยู่ในเมืองไทย ผู้ร่วมชมคนหนึ่งเขียนข้อคิดบทเรียนจากภาพยนต์ซีรีส์นี้มาให้ ดังนี้ ปีศาจ สุนัขรับใช้ มดปลวก และเสรีชน ในภาพยนต์ซีรีส์เกาหลี Queenmaker เรื่องนี้ติ๋วขอเขียนค่ะ ดูเรื่อง Queenmaker แล้วสะท้อนใจ ทีแรกตอนที่เพื่อนแนะนำแค่อยากรู้ว่าเป็นยังไง ดูรวดไป 3 EP ก็สนุกดีและได้ความรู้มาก แต่ความรู้แบบนี้รู้แล้วก็เศร้า ความจริงไม่ชอบดูหนังที่สะท้อนด้านมืดของมนุษย์ แค่ในชีวิตจริงก็มากเกินกว่าที่อยากเห็น แต่กลัวตกเทรนและเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อ ก็เลยต้องดูเพื่อให้รู้ว่าเขามีเทคนิกอะไรบ้าง ปีศาจ ในวงของผลประโยชน์และอำนาจ น้อยมากที่จะมีคนดีหลงเข้าไปและรักษาความดีไว้ได้ คนที่เข้าไปมักถูกอำนาจและเงินกลืนกินจนหมดความเป็นมนุษย์ คนดีๆ ที่เข้าไป ถ้าไม่กลายพันธ์ุก็อาจตายไประหว่างทาง หรือไม่ก็เอือมระอาจนออกไป ปีศาจสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจและมีเงิน การมีอำนาจจำเป็นต้องใช้เงิน และการมีเงินสามารถสร้างให้มีอำนาจได้ หนังฉายความเป็นปีศาจของหลายๆคน ที่ขึ้นไปอยู่ในวงนี้ได้อย่างน่าขยะแขยงมาก สุนัขรับใช้ เป็นคนจำพวกหนึ่งที่มีความภักดีให้กับผู้เป็นนายสูงมาก ในบางฉากซีรีย์แสดงความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้อง กับเจ้านายและสุนัขที่รักได้อย่างชัดเจนมาก ราคาของสุนัขรับใช้แต่ละคนแตกต่างกันไปบ้าง แต่ที่เหมือนกันแน่ๆ คือไม่ใช่เสรีชน มดปลวก ก็คือเราๆท่านๆ ที่เต้นไปกับสิ่งเร้าต่างๆ ที่ถูกนำเสนอ-จัดสร้าง-แสดง ในทฤษฎีของการโฆษณาชวนเชื่อ …