All posts tagged: beloved Thailand

ราตรีที่ทำเนียบ

ราตรีที่ทำเนียบ ทำเนียบรัฐบาลวันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มีงานชื่อ “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ชื่อฝรั่ง “Beloved Thailand” ทำเนียบรัฐบาลเป็นศูนย์กลางการเมืองและการบริหารประเทศ ในยามมีปัญหาถนนทุกสายก็มุ่งสู่ทำเนียบ ผู้เดือดร้อนและผู้ต้องการเห็ฯการเปลี่นแปลงทางการบริหารและการเมืองมักปักหลักประท้วงกันรอบทำเนียบ เข้าไปประท้วงถึงในทำเนียบก็เคย ในเวลาปกติ ยามกลางวัน สถานที่นี่เป็นที่ทำงานของฝ่ายบริหาร ในยามค่ำคืนเคยเป็นที่เลี้ยงรับรองระดับชาติตลอดจนเป็นที่จัดงานสโมสรสันนิบาต วันเด็กเคยเปิดให้เด็กเข้าไปลองนั่งเก้าอี้นายกฯ คราวนี้ ทำเนียบเปิดเป็นที่แสดงศักยภาพของนักดนตรีไทยในด้านเพลงคลาสสิก ด้วยการแสดงของวงดุริยางค์ ๓ วง วงออร์เคสตร้าเยาวชนของเทศบาลนครยะลา ก่อตั้งประมาณปี ๒๕๔๑ แสดงในตึกสันติไมตรี วงฟิลฮาร์โมนิกประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra) ของมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดแสดงครั้งแรกปี ๒๕๔๒ และบัดนี้ก้าวหน้าไปแสดงระดับนานาชาติบ้างแล้ว  กับวงดุริยางค์เหล่าทัพ ที่เป็นการสนธิกำลังพลดนตรีของกองดุริยางค์ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ประชันกันที่สนามหญ้าหน้าทำเนียบ ค่ำคืนนั้น ตึกไทยคู่ฟ้าอาบแสงไฟงดงาม สลับสีสันและลวดลายไปเรื่อยๆ ประกอบเสียงเพลง แขกที่รับเชิญทั้งไทยและเทศนั่งเก้าอี้ฟังเพลง ในอากาศโปร่ง ลมเย็น นับเป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์ สำหรับหลายๆ คนรู้สึกว่าเป็นเวลาที่ผ่อนคลาย ได้เว้นวรรคจากเรื่องเครียดและธุรกิจประจำวันสัก ๒ – ๓ ชั่วโมง ปล่อยให้ดนตรีกล่อม ใส่ความสมดุลเข้าไปในใจ ในทำเนียบซึ่งแต่ละวันก็มักจะมีแต่เรื่องเครียดๆ จนกระทั่งถ้าก้อนอิฐ ก้อนหินและต้นไม้ในทำเนียบรู้สึกได้ ก็คงจะเครียดไปด้วย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ใจไม่ว่างจากภาระ จนกระทั่งต้องพากายออกจากงานไปตั้งแต่เพลงเริ่มบรรเลงไปไม่นาน ระหว่างที่นั่งฟังเพลงอยู่ในศูนย์กลางการเมืองของประเทศ ก็อดใจไม่อยู่ ต้องนำเนื้อเพลงรักชาติหลายเพลงที่บรรเลงอยู่มาแยกแยะ “หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ นักรบมีหน้าที่พิทักษ์ธรรม สติปัญญาชี้นำ การกระทำเป็นตัวชี้ขาด แข็งแกร่งเข็มแข็งแน่วแน่ นักรบแท้ข้าศึกขยาด สุขุมรอบคอบไม่ประมาท จึงจะนำชาติของเราพ้นภัย” (มาร์ชราชวัลลภ ๒๕๓๑) เนื้อเพลงนี้ยังทันสมัยอยู่ “เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง โบราณสถานส่งนามประเทือง เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล” (แผ่นดินของเรา ๒๕๑๖) “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ร่วมจิตร่วมใจรักไทยไว้คงมั่น หากมีศัตรูจู่โจมประโรมรบกัน ร่วมใจป้องกันพร้อมทุกเหล่าเชื้อเผ่าไทย” (มาร์ชสามัคคีสี่เหล่า) เนี้อเหล่านี้ไม่ทันสมัยเสียแล้ว เพราะในเพลงแรก บัดนี้ป่าไม้ของเราไม่สมบูรณ และในเพลงหลัง บัดนี้นักวิชาการเน้นเรื่องของชาติพันธุ์ที่หลากหลายอันประกอบขึ้นเป็นประเทศสยามในอดีตและประเทศไทยในปัจจุบัน คำว่า “ไทย” ที่หมายถึงเผ่าไทยจึงแคบไป ในขณะที่ “ไทย” ในความหมายว่าเป็นสัญชาติของคนในประเทศไทย ยังไปได้ แม้ว่าคำว่าสยามจะไร้ข้อจำกัดมากกว่าก็ตาม ความจริงเป็นเช่นนี้ ก็อยู่ที่ว่าจะปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่ให้เข้ากาลสมัยหรือไม่ เพื่อให้เพลงยังคงทนอยู่ต่อไป หรือว่าเราจะต้องบรรเลงโดยไม่ขับร้อง เพลงช่วงหลังไพเราะมาก และมีเพลงสากลเข้ามาแทรก เพลง “รวมพลัง” ใช้ทำนองเพลงโบราณชื่อ Gaudamus Igitur เพลง “ฟ้าใส” คือ Ode to Joy ของเบโธเฟน) สองวงซิมโฟนีและนักร้องเล่นและร้องพร้อมกัน โดยวาทยกรสองคนต้องประสานการนำวงร่วมกัน เสียงเพลงกระหึ่มไปทั่วทั้งในบริเวณ ดนตรีจบด้วยเพลงเร้าใจชื่อ “เรารักแผ่นดิน” เป็นเพลงใหม่บรรเลงเป็นครั้งแรกในงานนี้ เนื้อร้องของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ทำนองและเรียบเรียงโดย พันตรี ประทีป สุพรรณโรจน์ นักร้องทั้งหมด ๕๖ คนร้องพร้อมกัน นักดนตรีสองวงรวมกัน  ๑๙๕ คน เล่นเพลงเดียวกัน โดยการนำของวาทยกรคนเดียวเท่านั้น เหล่านี้มีความนัยหลายประการแฝงไว้ให้คิด สมาชิกของมหาวิทยาลัยมหิดลมี ๑๕ ชาติ ได้ความเป็นนานาชาติ ส่วนวงของสี่เหล่าที่ผสานพลังเป็นหนึ่งวง มีนักดนตรีตั้งแต่จ่าตรี ถึงนายสิบ นายร้อย และนายพัน ทั้งหมดมีฝีมือที่เกิดจากการฝึกปรือมานาน และยังมีการเรียบเรียงเพลงสำหรับเครื่องดนตรีแต่ละชนิดซึ่งต้องใช้ความสามารถและความอุตสาหะประกอบกันอีกด้วย เพื่อให้เกิดดนตรีในคืนนี้ได้ ไม่ต้องถามถึงคำว่าสามัคคี และปรองดอง นักดนตรีทั้งหมดแสดงให้ผู้ชมทุกคนได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมในคืนนั้น “มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย คนทั้งหลายนับไม่ถ้วน ในคุณค่า ทรายจะแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา คนจะกล้าก็เพราะผ่านการอดทน รวมแรงอันแกร่งกล้า รวมคุณค่าความเป็นคน ความดี จักบันดล ประโยชน์สุขเพื่อส่วนรวม” (เรารักแผ่นดิน ๒๕๕๕) นวพร เรืองสกุล