คุณนุกูล ประจวบเหมาะ ๒๔๗๒ – ๒๕๖๖
เป็นบทความที่เขียนไว้ใน facebook ชื่อ Knowledge Plus by นวพร รวม ๓ ตอนด้วยกัน ในวันที่ 2023 02 07 วันที่ 11 และวันที่ 13 โดยวันที่ 7 เล่าถึงวันที่ท่านอำลาธนาคารแห่งประเทศไทย วันที่ 11 เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับงานของท่านที่ดิฉันได้มีโอกาสได้ทำงานหรือมีประสบการณ์ตรงกับท่าน และวันที่ 13 เป็นภูมิหล้งภาวะเศรษฐกิจ เพื่อผู้อ่านจะได้เข้าใจความยากลำบากของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในช่วงเวลานั้น ขอนำมารวมไว้ในที่นี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณนุกูล ประจวบเหมาะ ท่านผู้ว่าการของพนักงานในธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการธปท. ๑ พ.ย. ๒๕๒๒ – ๑๓ ก.ย. ๒๕๒๗ (1979 – 1984) สำหรับคนเคยทำงานในธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงเวลาที่คุณนุกูลเป็นผู้ว่าการ คงจำได้ว่า ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ลำบากของประเทศไทย มีเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนทำงานอยู่ฝ่ายไหนในธนาคารชาติ แต่ที่คงไม่ลืมคือวันที่ท่านผู้ว่าการนุกูลฯ อำลาธนาคารแห่งประเทศไทย วันนั้น หลังจากธนาคารปิดบริการ (คือหลังบ่ายสามโมงครึ่ง) พนักงานตัวเล็กๆ จำนวนมาก ออกันอยู่ตรงโถงกลาง ท่านผู้ว่าการกล่าวคำอำลาพนักงาน ท่านเป็นคนพูดสั้น กล่าวสั้นๆ แต่พนักงานยังไม่ยอมกลับ ท่านผู้ว่าการเองท่านก็ไม่ใช่คนช่างคุย บรรยากาศเงียบๆ เศร้าๆ มันเป็นวันแห่งความทรงจำ แต่จะทำอย่างไรดี ให้หายเงียบ หายเศร้า ดิฉันนึกวิธีคลายความเศร้าได้โดยกระทันหัน ดิฉันหยิบธนบัตรใบละ ๒๐ บาท ที่มีลายเซ็นของท่านออกมา ๑ ใบ แล้วก้าวเข้าไปหาท่าน ขอให้ท่านเซ็นเคียงลงไปกับลายเซ็นตัวพิมพ์ ท่านผู้ว่าการใช้ปากกาหมึกสีเขียวเซ็นให้ แล้วพยักงานอื่นๆ ก็ทำบ้าง ท่านก็เลยปักหลักนั่งเซ็นธนบัตรอยู่ตรงโต๊ะที่ปกติเป็นที่นั่งของพนักงานต้อนรับในห้องโถงกลางนั่นเอง แต่ละคนได้มีโอกาสใกล้ชิดท่าน ได้กล่าวคำขอบคุณหรืออำลาเป็นการส่วนตัว ได้ไหว้ท่านตรงตัวเป็นส่วนตัว บรรยายกาศกลายจากความเคร่งขรึมปนเศร้า เป็นสนุกสนาน ดิฉันตั้งใจจะเก็บธนบัตรนั้นไว้เป็นสิ่งสะสมอันมีค่า เพราะมีค่าทั้งเป็นลายเซ็นจริง และมีค่าเพราะคนเซ็นเป็นบุคคลมีค่า แต่เก็บดีเกินไป จนทุกวันนี้ก็ยังหาไม่เจอ เพื่อนๆ พนักงาน ธปท. สมัยนั้น ใครยังมีธนบัตรแบบที่ดิฉันเล่า อยู่บ้างคะ นำมาอวดกันหน่อยสิคะ คุณนุกูล ประจวบเหมาะ หนึ่งใน “ผู้ใหญ่” ที่น่าเคารพ แทบตลอดชีวิตการทำงานของดิฉัน เส้นทางของงานพาดผ่านท่านผู้ว่าการนุกูล เป็นระยะๆ ครั้งละนิดครั้งละหน่อยเรื่อยมา เป็นการผ่านพบกัน โดยที่ไม่เคยมีความสนิทชิดเชื้อเป็นการส่วนตัวเลย แต่ดิฉันจะรู้สึกเหมือนคุ้นเคยมาก คงเป็นดังที่ฝรั่งว่าไว้ “ในโรงเรียน เราเรียนบทเรียนแล้วก็ทำข้อสอบ ในชีวิตจริง เราได้รับบททดสอบ ที่สอนบทเรียนให้เรา” ในระหว่างทางเดินของชีวิต ทุกคนไม่จำเป็นต้องแสวงหาหรือรอรับบทเรียนจากบททดสอบโดยตรงเสมอไป เราอาจจะเรียนจากประสบการณ์ของคนอื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรียนจากคนที่กำลังได้รับบททดสอบ โดยเราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ความสำคัญอยู่ที่ว่าเรา “เห็น” และ “รับ” สิ่งที่เห็นมาเป็นบทเรียนหรือไม่ คุณนุกูลคงได้เห็นชื่อดิฉันผ่านตา ตั้งแต่สมัยท่านเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ดิฉันเป็น นักเรียนทุนธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับทุนไปเรียนระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ก.พ. เป็นผู้ดูแลโดยตรง แต่ที่ปรึกษาฯ เป็นตัวแทนของกระทรวงการคลัง และติดต่องานกับธนาคารชาติด้วย เป็นเสมือน “ผู้ปกครอง” ของนักเรียนทุนธนาคารชาติอีกคนหนึ่ง ดิฉันได้เห็นคุณนุกูลครั้งแรก สมัยท่านเป็นรองอธิบดีกรมทางหลวง น่าจะเป็นดิฉันที่รู้จักและจำได้ฝ่ายเดียว ตอนนั้น ดร. ป๋วย อึ๋งภากรณ์ ผู้ว่าการฯ พาฝรั่งที่มาช่วยงานที่ธนาคารชาติ ไปเชียงใหม่ ดิฉันตามไป “ดูแล” …